Tuesday, March 27, 2007

คงกระพันชาตรี ๖ ประเภท


.....ท่านอาจารย์เทพย์ สาริกบุตร ได้เขียนไว้ในหนังสือ วิชาคงกระพันชาตรีว่า วิชาไสยศาสตร์ที่ทำให้มนุษย์พ้น อันตรายจากอาวุธนั้นแบ่งออกได้เป็น ๖ ประเภท คือ

วิชาคงกระพัน
.....เป็นวิชาที่ทำให้ร่างกายมนุษย์อยู่คงต่ออาวุธทั้งปวง ฟันแทงไม่เข้า ถ้าจะฆ่าให้ตายต้องใช้ไม้แทงทะลุทวารหนัก เท่านั้น แบ่งเป็นวิชาย่อยต่างๆ เช่น

...............๐ การเสกของกิน วิธีนี้เรียกว่าอาพัด เช่น อาพัดเหล้า อาพัดว่าน
...............๐ เสกฝุ่นผงน้ำมันทาตัว หรือปูนแดงป้ายลูกกระเดือก
...............๐ การเรียกของเข้าตัว เช่นน้ำมันงา หรือประกายเหล็กเพื่อให้คงทนเยี่ยงเหล็ก เป็นต้น

.....การเรียกประกายเหล็กเข้าตัวนี้มีกรรมวิธีที่พิศดารมาก คือ ให้นำเหล็ก ที่มีประกายเวลากระเทาะหินมานั่งับไว้ตรงรูทวารหนัก หลังจากนั้นจึงบริกรรม คาถาเรียกประกายเหล็กเข้าตัวทุกวัน เมื่อเวลาผ่านไปให้นำเหล็กกระเทาะหินดู หากหินนั้นมีประกายอยู่ให้บริกรรมต่อไป หากหินนั้นหมดประกายแล้วก็แสดงว่า ประกายเหล็กถูกเรียกเข้าตัวหมดแล้ว

วิชาชาตรี
.....เป็นวิชาที่ใช้ป้องกันอาวุธให้ฟันแทงไม่เข้าได้เช่นเดียวกับ วิชาคงกระพัน วิชานี้ทำให้ตัวเบากระโดดได้สูงและอาวุธที่มากระทบตัวนั้นนอกจากไม่ระคายผิวหนังแล้ว ยังไม่รู้สึกเจ็บอีกด้วย วิชานี้มีจุดอ่อน คือ หากถูกตีด้วยของเบา เช่น ไม้ระกำ ไม้โสนกลับเป็นอันตรายได้

วิชาแคล้วคลาด
.....เป็นวิชาที่ทำให้อันตรายที่จะมาถึงตัวนั้นหลีกเลี่ยงไป และแม้จะถูกทำร้ายซึ่งหน้าก็ดี อาวุธนั้นก็จะมีเหตุให้บังเอิญพลาดเป้าไป มีทั้งการใช้เครื่องราง เช่น ตะกรุด และคาถาอาคม วิชานี้รวมถึง วิชาพรหม 4 หน้า ที่นักมวยคาดเชือกใช้บริกรรมเพื่อให้คู่ต่อสู้ชกไม่ถูกเพราะเห็นเป็นหลายหน้าด้วย

วิชามหาอุด
.....เป็นวิชาที่เกิดขึ้นในชั้นหลัง ใช้กันปืนให้เกิดอาการขัดลำกล้อง ยิงไม่ออก ดังคำว่า อุด มีทั้งที่เป็นคาถาภาวนา และเครื่องรางเช่น ตะกรุดที่อุดหัวอุดท้ายแล้ว ตลอดจนกระทั่งลูกปืนที่ด้านแล้วก็นำมาใช้ลงคาถามหาอุดเช่นเดียวกัน ด้วยถือคติว่าแม่ย่อมไม่ฆ่าลูก ผู้ใช้จะปลอดภัยไปด้วย

วิชาแต่งคน
.....วิชานี้แม่ทัพนายกองในสมัยโบราณใช้คุ้มกันทหารในกองทัพ มักนิยมเสกน้ำมัน ใช้ปูนป้ายลูกกระเดือก หรือเสกหมากให้กินก็ได้

วิชาล่องหนหายตัว
.....วิชานี้กล่าวว่าเมื่อผู้ฝึกถึงขั้นจะสามารถ กำบังตนและพาหนะไม่ให้คู่ต่อสู้มองเห็นได้

*ซึ่งยังมีวิชาปลีกย่อยอีกมากมายในตำราพิชัยสงครามที่อาจจัดเข้าหมวดหมู่ที่จัดไว้หรือแยกไปตากหาก เช่น สมานแผล เป็นต้น

1 comment:

suriyan said...

การอยู่คงกระพันชาตรีตามที่กล่าวมานี้ ล้วนเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากเวทมนต์ทำให้เป็นไป แต่ยังมีสิ่งที่อยู่คงได้โดยไม่ต้องใช้คาถา เราเรียกของจำพวกนี้ว่า"ทนสิทธิ์"ได้แก่พวกคต แร่ เขี้ยว งา และว่านยาทั้งปวง ที่มีคุณสมบัติทำให้อยู่คงได้ ซึ่งการอยู่คงนี้มีหลายประการนัก นอกจากที่กว่าวมาแล้วท่านยังจำแนกการอยู่คงไว้ดังนี้ "บ้างอยู่ด้วยรากไม้ไพรว่าน
บ้างอยู่ด้วยโอมอ่านพระคาถา
บ้างอยู่ด้วยเลขยันต์น้ำมันทา
บ้างอยู่ด้วยสุราอาพัดกิน
บ้างอยู่ด้วยเขี้ยวงาแก้วตาสัตว์
บ้างอยู่ด้วยกำจัดทองแดงหิน
บ้างอยู่ด้วยเนื้อหนังฝังเพรชนิล
ล้วนอยู่สิ้นทุกคนทนศาสตรา"
การอยู่คงด้วยว่านและยานั้น เฉพาะพวกที่อยู่คงด้วยยานั้น ก็ได้แก่พรรณไม้ที่เป็นเครื่องยาต่างๆ บางทีก็ใช้รากยานั้นมาเสกเช่น รากหางนกกระลิง รากตำเลีย รากกระเช้าผีมด รากพระยายา รากมะตูมหรือเช่นบรเพ็ด ไพร ขมิ้น เหล่านี้เอามาเสกเข้าแล้วจึงกินไป ทำให้เนื้อหนังอยู่คง ส่วนคาถาที่เสกนั้นก็ให้ไช้ตามบทคาถาที่วางไว้ในคำภีร์ต่างๆ วาไว้ดังนี้
เสกไพร
"อะระหังคารัง เพชคังคารัง อะระหังจังเหล็ก
เพชคังจังเหล็ก อะระหังตรีเพชชคงคง"
เสกขมิ้น
"กะระมะถะ กิริมิถิ กุรุมุถุ เกเรเมเถ พุทธังคงทรหด ตใจหนัง ธัมมังคงทรหดมังสังเนื้อ สังฆังคงทรหดอัตถิกระดูก อิสวาสุคงคง ตรีเพชชคงคง"
เสกบอระเพ็ด
"นะอิเพชชคงอรหังสุคโตภควา
โมติพุทธะสังเพชชคงอรหังสุคโตภควา
พุทปิอิสวาสุเพชชคงอรหังสุคโตภควา
ธาโสมะอะอุเพชชคงอรหังสุคโตภควา
ยะภะอุอะมะเพชชคงอรหังสุคโตภควา "
อ้างอิงจาก ตำราพระเวทพิสดาร ภาค 2
โดย อาจารย์ เทพย์ สาริกบุตร